Posts tagged ‘ติ่งเนื้อ’
ติ่งเนื้อ (Polyp) และมะเร็งลำไส้ใหญ่
ติ่งเนื้อ (polyp) เกิดขึ้นอย่างไรและมีความสำคัญอย่างไรจึงต้องพยายามตรวจหา ทางการ
แพทย์พบว่าติ่งเนื้อ (polyp) นี้เป็นขั้นตอนของขบวนการกลไกการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ยัง
อยู่ในระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือเกือบเป็นมะเร็ง หรือเป็นมะเร็งระยะไม่ลุกลาม (in situ) โดยที่
เยื่อบุผนังภายในลำไส้ใหญ่ (mucosa) เมื่อถูกกระตุ้นด้วยสารพิษที่อยู่ในกากอาหาร ซึ่งมักจะ
มาจากอาหารที่รับประทานอาหารเข้าไปเป็นเวลานานหลายสิบปี ก็จะเกิดความผิดปกติที่ยีน
(gene) หรือสารพันธุกรรมจนเกิดการแบ่งตัวที่ผิดปกติของเซลล์เยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่ เรียกว่า
การกลายพันธุ์ (mutation) เกิดเป็นเนื้องอกเล็กๆ ขึ้น ซึ่งเนื้องอกนี้ยังไม่ใช่มะเร็ง เป็นระยะก่อน
เป็นมะเร็ง(pre cancerous) ต่อมาเนื้องอกเล็กๆ นี้มีการกลายพันธุ์และแบ่งตัวหลายๆ ครั้งขึ้นจน
มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ความผิดปกติของลักษณะเซลล์มีมากขึ้นจนถึงระยะเกือบเป็นมะเร็ง
(severe dysplasia) ยิ่งมีขนาดใหญ่โอกาสเป็นมะเร็งก็มีสูงขึ้น โดยการเป็นมะเร็งระยะแรกจะ
เกิดที่ผิวของก้อนเนื้องอกเท่านั้นยังไม่ลุกลาม ถึงเส้นเลือดฝอยเล็กๆ และเส้นน้ำเหลือง จึงเรียก
มะเร็งระยะนี้ว่า ระยะไม่ลุกลาม (in situ) และค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นชนิดลุกลาม (invasive
carcinoma) ในที่สุด
เนื้องอกเล็กๆ นี้จะมีลักษณะเป็นติ่งเนื้อยื่นออกมาจาก ผนังลำไส้ เรียกว่า polyp ซึ่งแบ่งเป็น 2
ชนิดคือชนิดมีก้าน (pedunculated type) และชนิดไม่มีก้าน (villous type) ประมาณว่าติ่ง
เนื้อ (polyp) ชนิด มีก้านขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร จะใช้เวลาประมาณ 10 ปี ก่อนที่จะพัฒนา
ตนเองจนกลายเป็นมะเร็ง ดังนั้นถ้าสามารถตรวจพบติ่งเนื้อนี้ก่อนตั้งแต่ขนาดเล็ก และตัดออกให้
หมดก็จะสามารถตัดวงจรการกลายเป็นมะเร็งได้
การ ตรวจหาติ่งเนื้อ (polyp) ที่มีขนาดเล็กประมาณ 1 เซนติเมตรให้แม่นยำนั้น ปัจจุบันมี 2 วิธี
คือ การส่องกล้องตลอดความยาวของลำไส้ใหญ่ เรียกว่า colonoscopy เมื่อพบติ่งเนื้อ
(polyp) ก็สามารถใช้เครื่องมือตัดออกมาตรวจผลทางพยาธิวิทยาได้ ถ้าผลพยาธิวิทยาแสดง
ว่ายังไม่เป็นมะเร็ง ก็จะแนะนำให้ตรวจซ้ำอีกภายใน 2–3 ปี ถ้าไม่พบติ่งเนื้ออีก ก็ตรวจอีกครั้ง
ภายในทุก 5 ปี ตลอดชีวิต ดังเช่น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ตรวจโดยการส่องกล้องและตัด
ชิ้นเนื้อออกมาเมื่อพบว่าไม่ใช่มะเร็ง ท่านก็ปลอดภัย และช่วยป้องกันไม่ให้ติ่งเนื้อนั้นพัฒนา
ต่อไป
ถ้าผลการตรวจติ่งเนื้อพบว่าเป็นมะเร็งชนิดไม่ลุกลาม (in situ) และแพทย์ได้ตัดออกมาจนหมด
แล้ว (free margin) ก็จะแนะนำให้มาตรวจซ้ำภายใน 6–12 เดือน ถ้าไม่พบสิ่งผิดปกติให้ตรวจ
ซ้ำอีกภายใน 2–3 ปี และทุก 5 ปีตลอดชีวิต
แต่ถ้าผลการตรวจทางพยาธิวิทยาของ ติ่งเนื้อเป็นมะเร็งชนิดลุกลาม (invasive carcinoma)
มีโอกาสสูงที่มะเร็งจะกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ภายนอกลำไส้ใหญ่ ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้
รับการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ส่วนนั้นออกโดยวิธีการผ่าตัดแบบ หวังผลหายขาด (surgery with
curative intent) ซึ่งถ้าผลการตรวจหลังการผ่าตัดเป็นมะเร็งระยะที่ 1 ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาด
ถึง 95% โดยไม่ต้องรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเพิ่มเติม
การ ตรวจหาติ่งเนื้อขนาดเล็กอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้เอ๊กซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT colo-
nography) เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติใด ๆ ต้องการมาตรวจคัดกรองเฉย ๆ ข้อเด่นคือ จะ
เห็นทั้งภายในและภายนอกของลำไส้ใหญ่ รวมทั้งอวัยวะภายในช่องท้องทั้งหมดด้วย อีกทั้งยัง
ไม่ต้องถูกสอดกล้องที่มีความยาวกว่า 1 เมตร เข้าไปทางทวารหนัก แต่จะใช้การเป่าลมเข้าไป
ทางทวารหนักแทน ข้อด้อยคือ ถ้าบังเอิญพบติ่งเนื้อต้องมาส่องกล้องอีกครั้งหนึ่งเพื่อตัดติ่งเนื้อ
ออกโดย สรุปแล้ว ปัจจุบันนี้โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก เป็นสาเหตุการตายอันดับสอง
ของประชากรโลก รองจากมะเร็งปอด การป้องกันการเกิดโรคที่ดีที่สุดคือ การตรวจหามะเร็งลำ
ไส้ใหญ่และทวารหนักอย่างสม่ำเสมอ โดยวิธีการคัดกรองโรค (screening) ทุก 5 ปี ด้วยวิธี
การตรวจลำไส้ใหญ่ตลอดความยาวโดยวิธีส่องกล้อง (colonoscopy) หรือการเอ๊กซเรย์คอม
พิวเตอร์ความเร็วสูง (CT colonography หรือ virtual colonoscopy) เมื่อพบติ่งเนื้อ
(polyp) จะได้ทำการตัดออกไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้จนติ่งเนื้อ (polyp) เจริญเติบโตจนกลายเป็น
มะเร็ง
นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงแนวการดำเนินชีวิตร่วมกับการ คัดกรองมะเร็งอย่างสม่ำเสมอ
สามารถป้องกันโรคนี้ได้ แต่ถ้าบังเอิญโชคร้ายเป็นโรคมะเร็งนี้ขึ้นมา แพทย์สามารถช่วยท่านได้
ได้มีผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่จำนวนมากที่รักษาหายขาดและมีชีวิตอยู่เป็นสิบปี แล้ว ดังนั้นอย่าสิ้น
หวังหรือท้อแท้ รีบปรึกษาแพทย์ที่โรงพยาบาลใกล้บ้านท่านโดยเร็วที่สุดเพราะยิ่งเป็นน้อย ยิ่ง
รักษาง่าย โอกาสหายขาดยิ่งสูง
ข้อมูลจากบทความหมอสุรพงศ์ โรงพยาบาลพยาไท
Recent Comments